เป็นเรื่องที่เคยเขียนถึงตั้งแต่ปี 2013 ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมพยายามบอกลูกค้าตลอดว่า อย่าทำ app ให้ brand เพียงเพราะแค่ “ต้องทำ” แต่ควรทำเมื่อไอเดีย app นั้นๆ สามารถแก้ปัญหาหรือมอบอะไรให้กับกลุ่มเป้าหมายได้ที่แตกต่างจาก app ต่างๆที่มีอยู่แล้ว โดยเฉพาะในปี 2016 นี้แล้วยิ่งไม่ควรทำ app เพียงแค่ “ต้องทำ” เหตุผลมีดังนี้ครับ
นี่เป็น slide ที่ผม capture มาจาก keynote ของคุณอริยะ พนมยงค์ MD ของ LINE ประเทศไทย ที่มาเป็น key speaker ในงาน Startup Thailand 2016 เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา (สามารถดูย้อนหลังได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=hjTaMlEPpRA) สิ่งที่คุณอริยะเรียกว่า “App Overload” ในข้อมูลที่นำมาแสดงนั้น เราจะเห็นได้ว่า ปัจจุบันใน Apple AppStore ของ iOS มี app อยู่ประมาณ 1.5 ล้าน app และใน GooglePlay ของ Andriod มีอยู่ประมาณ 1.6 ล้าน app ที่สำคัญไปกว่านั้น คนหนึ่งคนจะมี app ในเครื่องอยู่ประมาณ 39 app ใช้ประมาณ 17 app และที่ใช้เป็นประจำทุกวันไม่เกิน 4-5 app
ดังนั้นคำถามคือ brand จะผลิต app ออกมาเพื่อแย่งชิงพื้นที่เล็กๆในมหาสมุทรของ app อย่างนั้นหรือ? คำแนะนำที่ผมมักมีให้ลูกค้าคือ หากเราจะทำ app มันจะต้องเป็น app ที่ไม่สามารถหาใช้จาก app อื่น ไม่จำเป็นต้องทำได้หลายๆอย่าง ขอให้เชียวชาญและทำได้ดีที่สุดอย่างใดอย่างหนึงไปเลย เคยเขียนตัวอย่าง app ประเภทนี้ไว้ตั้งแต่ปี 2013
อย่าทำ app เพียงเพราะคู่แข่งทำ หรือมีงบที่จะทำ หรือโดนกดดันมาว่าต้องทำ หากยังไม่มีไอเดีย app ดีๆที่ไม่สามารถหาได้จากทะเล app ในปัจจุบัน อย่าลืมว่าทำ app ขึ้นมาหนึ่งตัว นอกจากค่า development ครั้งแรกแล้วยังต้องเตรียมงบสำหรับ user testing, maintenance, version upgrade และ ทำ content รวมถึงงบ media ในการโปรโมตด้วย
ครั้งหน้าจะนำ branded app ดีๆน่าสนใจมาแชร์นะครับ