1.Image

เมื่อเปรียบเทียบระหว่างภาพกับข้อความแล้ว ภาพมักได้รับความสนใจมากกว่าข้อความ โดยภาพที่แชร์ส่วนใหญ่จาก Facebook 87% เป็นรูปภาพ คำบรรยายที่มีรูปภาพประกอบทำให้ผู้อ่านเข้าใจบทความ 95%ในขณะที่คำบรรยายเพียงอย่างเดียวทำให้คนเข้าใจเพียง 75%  นอกจากนี้ Visual content ยังทำให้เกิด engagement เพราะคนอ่านจะตอบสนองกับบทความที่เป็น visual เช่น รูปภาพ วิดิโอ อินโฟกราฟิก มากกว่าข้อความธรรมดา

2.Storytelling Album

จากการที่คนอ่านมักสนใจรูปภาพมากกว่าข้อความ การเล่าเรื่องนำเสนอโดยใช้อัลบั้มภาพจึงเกิดขึ้น หลายเพจมีการสรุปเรื่องราวของแบรนด์ตัวเองหรือเรื่องราวยาวๆที่อ่านแล้วเข้าใจยากให้อยู่ในรูปแบบอัลบั้มภาพที่ผู้อ่านคลิกภาพอ่านไปเรื่อยๆแล้วเข้าใจได้ง่าย

3.GIF

ภาพ GIF ที่เคลื่อนไหวได้เป็น content อีกแบบที่กำลังได้รับความนิยม โดยเฉลี่ยความสนใจของคนต่อภาพ GIF 1 ภาพคือ 8.25 วินาที ภาพ GIF สามารภนำมาใช้แทน emoticon ได้ เว็บไซต์ต่างๆ เช่น tumblr ยังมีการช่วยโปรโมทภาพ GIF อีกด้วย โดยสิ่งที่ GIF สามารถสื่อสารได้ดี คือ emoticon อารมณ์ขัน trend ต่างๆและเรื่องราวที่เล่าต่อเนื่อง

4.Vertical Video

New York Times ได้กล่าวไว้ว่ามือของคนเรานั้นเหมาะสมที่จะถือวัตถุเป็นแนวตั้งมากที่สุด วิดิโอก็เช่นเดียวกัน โดยหากเราถือวิดิโอเป็นแนวตั้งหรือ portrait mode จะทำให้สามารถมองเห็นเต็มหน้าจอ 100% .ในขณะที่การดูวิดิโอแนวนอนจะทำให้เห็นหน้าจอเพียง 25%เท่านั้น ผลการเก็บข้อมูลจาก snapchat ยังพบว่าผู้ที่ดูวิดิโอแนวตั้งมีแนวโน้มจะดูวิดิโอแนวตั้งจบมากกว่าผู้ที่ดูวิดิโอแนวนอนถึง 9 เท่า

5.FB Live

การ live สดใน Facebook เป็นทางเลือกหนึ่งที่ตอบโจทย์สำหรับยุคที่ Social media และวิดิโอกำลังบูม ซึ่งนอกจากจะเป็นการทำ content real time แล้ว ยังเป็นการเปิดโอกาสให้เกิด two way communication ระหว่างเพจกับแฟนเพจ รวมทั้งสามารถเพิ่ม engagement ได้อีกด้วย content แบบที่กำลังได้รับความนิยมเช่น การถ่ายทอดวิดิโอรอบพิเศษ (sneak previews)  ตอบคำถาม Q&A  การให้ดารามาถ่ายทอดสด (celebrity takeovers) และการนำเสนอสินค้า (product presentations) โดยฟีเจอร์ของ Facebook จะมีการแสดง engagement graph ของผู้เข้าชม video live ใน Live Video Replays ได้ด้วย   ตัวอย่าง FB live ของแบรนด์ เช่น บาร์บีคิวพลาซ่า ที่จัดกิจกรรม ศึกเดือดสะท้านเตา ตอนม้าก้านกล้วยโดยให้แฟนเพจร่วมสนุกทายผลกิจกรรมวิ่งแข่งระหว่างตัว Mascot บาร์บีกอนกับม้าก้านกล้วย

6.Facebook Canvas Ad

Canvas Ad เป็นโฆษณาแสดงผลบนมือถือที่สามารถทำให้อ่านเนื้อหาแบบ Full Screen ได้ สามารถรวมภาพ ข้อความ และวิดิโอไว้ด้วยกันในบทความเดียวและซูมภาพเพื่อดูรายละเอียดโดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนหน้าจอ หรือพูดอีกอย่างว่า canvas ad คือ “มินิเว็บไซต์” ใน Facebook นั่นเอง  ฟีเจอร์นี้มีขึ้นเพื่อปรับปรุง mobile experience ของผู้ใช้ ทำให้สามารถเล่าเรื่องในบทความได้น่าสนใจยิ่งขึ้น

7.Instagram Stories

ผู้ใช้ Instagram Stories สามารถอัพโหลดภาพหรือคลิปวิดิโอสั้นๆ ซึ่งจะแสดง content ให้เห็นเพียง 24 ชั่วโมงและเฉพาะผู้ที่กดเข้าไปดูเท่านั้น  สำหรับแบรนด์แล้วด้วยฟีเจอร์นี้ของ instagram ทำให้ลูกค้าที่เห็น content ใน instagram stories ต้องเป็นลูกค้าที่ loyal และมีความชื่นชอบต่อแบรนด์พอสมควร ทำให้เหมาะกับการนำเสนอ content แบบ exclusive เช่น การเสนอโปรโมชั่นพิเศษ แบรนด์ยังสามารถหาวิธีเล่าเรื่องใหม่ๆที่น่าสนใจจาก instagram stories ได้อีกด้วย เช่น การใส่ข้อความและวาดรูปตกแต่งในรูปภาพ  การเล่าเรื่องหลายๆภาพให้ชวนน่าติดตาม เป็นต้น

จะเห็นได้ว่าการทำ content ในยุคสมัยใหม่ไม่ได้เป็นเพียงการคิดเนื้อหาของบทความว่าจะพูดอะไรให้คนอ่านสนใจเพียงเท่านั้นอีกต่อไป แต่ยังเป็นการเลือกวิธีเล่าเรื่องที่เหมาะสม และเลือก platform ที่เหมาะสมกับเนื้อหาอีกด้วย


ที่มา
http://www.business2community.com/infographics/need-care-visual-content-infographic-01208120#Y0e57CU782RcoI3f.97
http://www.etrafficwebmarketing.com.au/blog/snapchat-stats-will-make-think-twice/
http://www.inmobi.com/blog/2016/08/31/vertical-video-dont-assume-ill-rotate-my-phone-for-you
http://www.socialmediatoday.com/social-business/facebook-rolling-out-immersive-canvas-ad-option-all-advertisers
http://www.socialmediatoday.com/social-business/how-live-stream-pro-infographic
http://taylorandgoes.com/blog/how-to-use-instagram-stories-to-improve-social-media-marketing/
http://thumbsup.in.th/2015/12/meme-thai-facebook-album-story/