X

3 ทริค Optimize Lead Ads บน Facebook และเครือ META

สำหรับสาย lead generation campaign ต่างๆ เช่น เก็บรายชื่อคนสนใจเยี่ยมชมโครงการ, ลงชื่อ test drive, คนสนใจให้เซลติดต่อกลับ, ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ, หรือกิจกรรมอื่นๆ ใด ที่ต้องการให้กลุ่มเป้าหมายลงทะเบียนกัน น่าจะคุ้นเคยกับการวางแผนและจัดการโฆษณาประเภท Lead Ads Campaign

และต้องยอมรับว่า ในหลายปีที่ผ่านมา platform ที่สามารถช่วยเก็บ lead ได้ดีมากๆ เจ้าหนึ่งก็คือ Facebook และเครือ META

ทาง META จึงออก guideline มาแนะนำนักการตลาดและ advertiser ว่า หากต้องการ optimize Lead Ads campaign ให้ได้ผลดีมากยิ่งขึ้น ทั้งจำนวน lead ที่จะเข้ามาและ Cost Per Lead (CPL) ที่มีราคาไม่แพง

3 ทริค Optimize Lead Ads

1. ใส่คำถามให้กรอกไม่เกิน 3 ข้อ

อ้างอิงการเก็บ data ของ META กว่า 700,000 lead ads ในช่วงต้นปี 2023 พบว่า การมีคำถามให้กรอกไม่เกิน 3 คำถามหรือน้อยกว่านั้นบน lead form จะช่วยลดค่า CPL ได้มากถึง 26% เลยทีเดียว ดังนั้นหากเป็นไปได้ ให้ใส่แค่ ชื่อ เบอร์ติดต่อ และข้อมูลที่จำเป็นอีกช่องเดียวก็พอ

2. ใช้ช่องใส่ชื่อแค่ช่องเดียว

ปกติบน lead form เรามักจะมีช่องให้กรอกชื่อแยกสำหรับ ชื่อจริง และ นามสกุล
แต่จาก data ของ META พบว่า การมีช่องให้กรอกชื่อแค่ช่องเดียว ช่วยให้ได้ CPL ต่ำลงถึง 14%
น่าสนใจว่าการปรับเรื่องเล็กๆ เรื่องเดียวจะสร้างความแตกต่างได้อย่างเห็นได้ชัด

3. เลือกให้กรอกแค่ Email หรือเบอร์โทร อย่างใดอย่างหนึ่ง

จาก data เปรียบเทียบ lead ads ที่ขอแค่ email หรือขอแค่เบอร์โทร กับ lead ads ที่ขอทั้ง email และเบอร์โทร พบว่า campaign ที่ขอแค่ email เพียงอย่างเดียว ได้ CLP ถูกลง 26% และ campaign ที่ขอเบอร์โทรเพียงอย่างเดียว ได้ CPL ถูกลง 18%

ซึ่งแน่นอนว่า ลำดับความสำคัญระหว่าง email และเบอร์โทร กลุ่มเป้าหมายจะหวงแหนเบอร์โทรมากกว่า email ดังนั้นถ้ารูปแบบธุรกิจเรายังไม่ต้องใช้เบอร์โทรในช่วงก่อนซื้อ แนะนำให้เก็บเฉพาะ email ก็พอ เพื่อให้ได้จำนวน lead เยอะๆ แต่กลับกันถ้าธุรกิจเราจำเป็นต้องมีการโทรพูดคุยเพื่อเสนอรายละเอียดและปิดการขาย เราก็ควรขอแค่เบอร์โทรมาเลยไม่จำเป็นต้องขอ email ก็ได้

บทความเรื่อง performance marketing อื่นๆ

Narongyod Mahittivanicha: ณรงค์ยศ มหิทธิวาณิชชา Managing Partner & Head of Growth - TWF Agency
Related Post